top of page
  • KGEW

เคล็ดลับ: การขอขึ้นเงินเดือน


ทำงาน? เงินเดือน? ความยุติธรรม? ความลำเอียง ? หลายๆปัจจัย ทำให้ผู้ทำงานทั้งหลายปวดหัว เพราะไม่แน่ใจว่าไอ้ความสามารถของเราเนี้ย เป็นความสามารถที่เหมาะสมกับเงินเดือนที่ได้รับหรือเปล่า ? โดยเฉพาะ ถ้าได้รับรู้ว่า เพื่อนซี้ของเรา จบก็ระดับเดียวกัน ทำงานก็ใกล้เคียงกัน หรือ ไม่แน่ เราทำมากกว่าอีก แต่กลายเป็นว่า เพื่อนของเราได้เงินเดือนมากกว่า ? ทำไงละครับ ไอ้จะบอกว่าไม่อิจฉาเพื่อน ก็ไม่อิจฉาหรอกครับ เพราะเพื่อนเราไม่ผิด แต่ที่แน่ๆ เราเองเนี้ย หงุดหงิดและรู้สึกแย่กับองค์กรแน่ๆ เลย ส่วนจะแย่ระดับไหนก็ต้องดูว่า เงินเดือนห่างกันขนาดไหน และก็สถานการณ์ที่ว่า ทำงานมาตั้งนาน อะไรๆ ก็ดี หัวหน้าก็ดี บริษัทก็ดี งานก็ดี แต่ เงินเดือนไม่ดี เพราะได้ขึ้นเพียงนิดหน่อย ถ้าเทียบกับการไปหาใหม่ คุณคงได้มากกว่าที่นี้ แต่ คุณก็อยากลองขอขึ้นเงินเดือน แทนไปเสียเวลาปรับตัวกับที่ใหม่ ทำยังไงเราถึงจะได้รับเงินเดือนที่ยุติธรรมและเหมาะสมกับเรา? เรื่องเงินเดือนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ บางท่านรู้ว่าได้เงินเดือนต่ำกว่าความเป็นจริง กำลังใจในการทำงานลดลงทันที บางท่านถอดใจ บางท่าน เตรียมหาที่ใหม่แก้แค้น บางท่านปลง ก็ตามแต่ว่าใครจะเลือกวิธีอะไรตามสิทธิที่คิดได้ อย่างไรก็ตาม การหางานก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆในสมัยนี้ แถมถ้าบริษัทที่เราทำอยู่ เพื่อนร่วมงานก็ดี งานก็ชอบ ผมว่า เรามาหาทางออกวิธีอื่นๆกันดีกว่า ครับ ผมมีวิธีเด็ดที่อาจจะนำไปปรับใช้ในการขอขึ้นเงินเดือนสำหรับเพื่อนผู้ทำงาน โดยไม่ต้องกระทบกระเทือนความรู้สึกใคร และ อัตราการประสบความสำเร็จสูงทีเดียว ก่อนที่เราจะเริ่มนำไปปรับใช้ สิ่งที่เป็นปัจจัยหลักต้องคำนึงถึง คือ สถานการณ์แต่ละองค์กร และ บุคคล รวมทั้ง หัวหน้าของคุณแต่ละท่าน ด้วยนะครับว่า วิธีไหนเหมาะสม สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเมื่อจะขอเงินเดือนขึ้น • ความสามารถของคุณ คุณมีความสามารถอะไรที่โดดเด่น และ เป็นที่ประจักษ์แก่หัวหน้า หรือ เพื่อนร่วมงานหรือไม่ ? ข้อนี้เป็นเรื่องสำคัญที่คุณต้องคำนึงถึง • สถานการณ์โดยทั่วไปของบริษัท บริษัทที่คุณทำงานอยู่ ผลประกอบการ หรือ ผลการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างไร ได้กำไร ? ขาดทุน? มีใครในบริษัทที่ได้รับการขึ้นเงินเดือนหรือไม่ หรือว่า มีใครโดนลดเงินเดือนหรือไม่ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คุณต้องรู้ ไม่ใช่ว่า บริษัทกำลังประสบภาวะขาดทุน แต่ว่า คุณมาขอเงินเดือนขึ้น อันนี้ก็ลืมไปได้เลยครับ • บริษัทใกล้เคียง ลองสืบถามสิครับว่า บริษัทอื่นที่ทำธุรกิจใกล้เคียงกัน หรือ เพื่อนที่ทำงานเหมือนคุณกับบริษัทอื่นๆ เขาได้รับอัตราเงินเดือนเท่าไหร่ เพื่อเป็นการหาข้อมูล และ รู้จักเปรียบเทียบ ไม่ใช่ว่า บริษัทอื่นที่คุณทราบ ตำแหน่งใกล้เคียงกับคุณได้เงินเดือน ราวๆ 18,000 แต่คุณได้ 25,000 ถ้าเป็นแบบนี้ก็แสดงว่า บริษัทของคุณอยู่ในระดับที่ดีอยู่แล้วนะครับ • อัตราเงินเดือน คุณมั่นใจแล้วว่าคุณได้เงินเดือนน้อยกว่าคนอื่นที่ทำงานในระดับเดียวกันจริง? ถ้าไม่ใช่ คุณต้องการเพิ่มเงินเดือนเท่าไหร่ ? ตำแหน่งงานที่คุณทำ คนอื่นทำได้หรือเปล่า? หาคนแทนง่ายไหม? ข้อมูลเหล่านี้เป็นส่วนองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้คุณใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้น • ลักษณะการแสดงออกของหัวหน้าคุณเวลามีเรื่องอะไรที่ต้องตัดสินใจ และ ลักษณะนิสัยของหัวหน้าคุณ คุณต้องรู้จักวิเคราะห์ หรือ พิจารณาตัวหัวหน้าของคุณว่า ปรกติท่านเป็นคนแบบไหนเวลาตัดสินใจอะไร เป็นคนที่จบเป็นจบ ? หรือ เป็นคนไม่ยอมจบเรื่องอะไรง่ายๆ ? เป็นคนเรื่องมาก? เป็นคนง่ายๆ พูดง่าย ? การวิเคราะห์ดูในเรื่องนี้จะทำให้คุณรู้ว่า ลักษณะแบบนี้โอกาสเข้าไปพูดมีผลสำเร็จสูงแค่ไหน รวมทั้งเป็นการหาวิธีในการเข้าหาได้ถูกต้องด้วยครับ • ความสัมพันธ์ของคุณกับหัวหน้า ระดับความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับหัวหน้าเป็นยังไงบ้าง สนิท? หรือ ว่า ไม่ค่อยถูกหน้ากันสักเท่าไหร่? เรื่องนี้เป็นระดับการตัดสินใจ และ ระดับการให้ความช่วยเหลือคุณครับ หลังจากหัวข้อทั้งหมด ได้วิเคราะห์อย่างดีจากคุณแล้ว ก็ให้ลองหาข้อมูลที่เป็นจุดเด่นของคุณ และ นำไปประยุกต์กับนิสัยของหัวหน้าคุณ วางแผนการพูด พร้อมทั้งเหตุผลที่ดี ซึ่งต้องเน้นที่ความสามารถของคุณ อย่าได้ไปพูดว่า คุณได้ข้อมูลว่า เพื่อนคุณได้มากกว่า แต่คุณได้น้อย เพราะเพื่อนของคุณอาจจะเดือดร้อนได้ ทางทีดี คุณควรจะเน้นไปที่เหตุผล ว่าคุณทำงานได้ในระดับใด และ คุณคิดว่า อยากให้หัวหน้าของคุณช่วยพิจารณาโอกาสในการขึ้นเงินเดือนแก่คุณด้วย พูดด้วยความสุภาพ และ จริงใจ อย่าอวดเบ่ง หรือ แสดงอาการก้าวร้าว หรือ แสดงอาการว่า คุณกำลังบังคับให้เลือกระหว่าง ขึ้นเงินเดือนให้คุณ กับ คุณจะลาออก ไม่มีใครชอบคนอวดดีครับ ทุกคนชอบคนสุภาพ มากกว่า หลังจากวิเคราะห์และวางแผนที่เหมาะสมแล้ว ก็ลองหาโอกาสเหมาะๆ ควรจะเลือกโอกาสและเวลาที่เหมาะสมจริงๆ ไม่ใช่ เวลาที่ทุกคนกำลังตึงเครียด แต่ควรเป็นเวลาที่ผ่อนคลาย หรือ เป็นเวลาที่มีโอกาสอะไรดีๆเกิดขึ้นในองค์กร เป็นต้น ได้โอกาสเหมาะ ก็ขอเวลาหัวหน้าคุณสักสิบนาทีเป็นการส่วนตัว แล้ว ก็พูดแบบสุภาพกับท่านครับ เน้น... ต้องแบบสุภาพเท่านั้นนะครับ ถ้าการขอดังกล่าวไม่ประสบความสำเร็จ หรือว่า คุณเอง ยังไม่กล้าพอที่จะทำตรงๆแบบนั้น ก็ลองใช้วิธีแบบที่สองนะครับ เป็นวิธีที่นิยมและ ได้ผลไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันครับ ดังนี้ครับ • ถามหัวหน้า ว่าคุณมีความสามารถด้านใดบ้างที่ต้องปรับปรุง เพื่อให้คุณสามารถช่วยงานได้มากขึ้น หรือ ในสายตาของหัวหน้าคุณ คุณต้องเพิ่มความสามารถด้านใดบ้าง คำถามนี้จะดีมากถ้าคุณจะถามในช่วงประเมินผลงานประจำปี • ขอคำแนะนำจากหัวหน้าคุณให้ท่านให้คำแนะนำว่า คุณต้องปฎิบัติตัวอย่างไรบ้างเพื่อให้คุณสามารถทำงานได้ดีขึ้น หรือ ทำงานได้เก่งขึ้น การขอคำแนะนำ และ เป็นไปด้วยความเคารพนับถือ ไม่มีใครหรอกครับที่ไม่ชอบคนที่ให้ความเคารพและเชื่อถือความสามารถเขา • ปรับปรุงการทำงานของคุณให้เห็นเด่นชัดว่า คุณได้ปรับปรุงแล้ว เช่น ปรกติคุณมาทำงานสายเป็นประจำ คุณก็ต้องมาทำงานให้ทันเวลา หรือ มาก่อนหัวหน้าคุณยิ่งดี อย่างน้อยมาก่อนท่านสัก สิบ หรือ สิบห้านาที ยิ่งเป็นการดี อย่าลืมว่า การปรับปรุง ต้องเป็นสิ่งที่เห็นได้ว่ามีการปรับปรุง ไม่ใช่เอาแต่พูด แต่พิสูจน์ไม่ได้นะครับ • ทำงานเป็นทีม ทำให้หัวหน้าคุณเห็นว่า คุณทำงานเป็นทีมเป็น ไม่ใช่คนงกวิชา หรือ พวกฉายเดี่ยว ในความเป็นจริง การทำงานเป็นทีม เป็นเรื่องสำคัญ และ หายาก เพราะคนเราชอบแย่งความดีความชอบกัน เวลาให้ทำงานเป็นทีมที่ไหร่ ไม่ค่อยเป็นทีมมากไปกว่า การแข่งกันเอง ดังนั้น คุณเองต้องเล่นในเกมการทำงานเป็นทีมเป็น เรียนรู้ในการใช้คน การพูด และ การประสานความสัมพันธ์ • สุภาพ โปรดเป็นคนสุภาพทั้งด้านการแต่งกาย และ คำพูด อย่าพูดพาดพิง หรือ ช่างนินทา ไม่ว่าจะเป็นนินทา หัวหน้า บริษัท หรือ อะไร โปรดอย่าทำ หรือแม้นแต่ไปอยู่ร่วมวงนินทาเพียงเพื่อจะฟังเขาเล่า ก็อย่าทำ โปรดหลีกเลี่ยง สภาพการนินทา การพูดจาในแง่ไม่ดีไม่ว่าจะเป็นอะไร เพราะในความเป็นจริง มันไม่มีอะไรดีขึ้น มากไปกว่า การฟังเอาสนุก แต่คุณไม่ควรเลือกสนุกด้วยวิธีนี้อย่างเด็ดขาด เพราะหัวหน้าอาจเข้าใจผิดว่า คนเป็นหนึ่งในกลุ่มดังกล่าวได้ • ทำในสิ่งที่หัวหน้าคุณคาดหวัง ในความเป็นหัวหน้า ทุกคนต้องมีสิ่งที่อยากให้ทีมงานของตนเองเป็น เช่นอยากให้ทีมงานของตนเป็นคนตรงต่อเวลา หรือ อยากให้ทีมงานของตนเป็นคนกระตือรือร้น คุณเองต้องเรียนรู้ว่า หัวหน้าของคุณเป็นคนแบบไหน และ ชอบคนแบบไหน ก็ให้ทำตัวแบบนั้น อันนี้ไม่ได้สอนให้ประจบนะครับ แต่สอนให้เรียนรู้ในการทำงานแบบถูกต้อง • ตรงเวลา จงพยายามเป็นคนที่ตรงต่อเวลา ไม่ว่าจะเป็นนัดประชุม นัดลูกค้า มาทำงาน หรือ อะไรก็แล้วแต่ คุณควรเป็นคนตรงต่อเวลา อย่ามาสายแล้วก็หาข้ออ้างต่างๆนา ถึงจะจริง แต่ก็ไม่มีใครเห็นใจ หรือ ชื่นชอบคุณหรอกครับ • อย่าหยุดบ่อย อย่าลาป่วยบ่อย หรือใช้สิทธ์เต็มที่ตามที่บริษัทให้ โดยไม่มีสาเหตุแต่ก็อยากใช้สิทธ์ ดังนั้น คุณเป็นคนหนึ่งที่ลาบ่อยมาก อย่าทำแบบนั้นเด็ดขาดครับ ถ้าคุณกำลังจะขอเงินเดือนขึ้น • ทำงานเร็ว หัดเป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็ว และ กระตือรือร้น รวมทั้งต้องมีความถูกต้องและเรียบร้อยด้วยนะครับ พยายามเป็นคนที่ตอบสนองต่อการทำงาน หรือ การทำงานร่วมแผนกกับฝ่ายอื่นๆ ได้เร็ว และ ถูกต้อง คุณจะถูกมองว่าเป็นคนที่มีประสิทธิภาพ และ เป็นที่ชื่นชอบโดยง่าย • อย่าเอาปัญหาที่บ้านมาที่ทำงาน อย่าเป็นคนอารมณ์เสียจากบ้านมาระบายที่ทำงาน หรือ พวกประเภทอารมณ์ค้าง แล้วมาระบายที่ทำงานโดยเด็ดขาด เช่นกันอย่าเป็นคนชอบบ่นเรื่องที่บ้าน ปัญหาที่บ้าน โปรดจำไว้ว่า เรื่องที่บ้านก็ให้ทิ้งไว้ที่บ้าน อย่าเอามาปนกับที่ทำงาน เพราะไม่มีใครอยากรู้หรอกครับ • อย่าขี้บ่น อย่าฝึกตนเองเป็นคนช่างบ่น ช่างว่า ช่างพูดแต่สิ่งไม่ดีของสิ่งแวดล้อมในการทำงาน หรือ บ่นว่าบริษัท องค์กร ทีมงาน เพื่อนร่วมงาน เพราะมันน่าเบื่อ และ น่าหดหู่เวลาเจอคนประเภทนี้ครับ ข้อควรจำที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่งช่วงคิดขอเงินเดือนขึ้น • อย่าทำตัวก้าวร้าว อวดเก่ง • อย่าพยายามยื่นคำขาดกับหัวหน้าคุณ • อย่าทำสงครามประสาทกับหัวหน้าคุณ โดยการหาย ไม่มาทำงาน หรือ แกล้งป่วย • อย่าเถียงหรือ ขัดแย้งอะไร กับหัวหน้าคุณ คุณอาจจะไม่ได้รับความเห็นชอบในการประเมินเงินเดือนตามที่คุณต้องการ แต่ พยายามพูดในหนทางที่สุภาพ และ อ่อนน้อม พร้อมด้วยเหตุผลที่ดี พิสูจน์ให้หัวหน้าคุณเห็นด้วยการกระทำ ผ่านการทำงาน ผ่านการปฏิบัติตัวของคุณ หัวหน้าของคุณอาจจะไม่ทราบว่า คุณกำลังพยายามปรับปรุงตัวอยู่ คุณก็อาจบอกกับหัวหน้าคุณด้วยว่า "คุณต้องการช่วยงานของหัวหน้าคุณให้มากยิ่งขึ้น และ คุณก็มีความยินดีในการปฏิบัติตัวให้เต็มที่ยิ่งขึ้น ดังนั้น ถ้าหัวหน้ามีคำแนะนำใดๆ ให้แก่คุณ ให้หัวหน้าแนะนำด้วยครับ/คะ” รับรองครับ ถ้าคุณทำด้วยความสุภาพ และ ทำจริง ผมรับรองได้ว่า ไม่ว่าหัวหน้าท่านไหน ถ้าทำได้ ก็ต้องอยากเก็บลูกน้องที่ดีเอาไว้เสมอ อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า ปัจจัยที่ทำให้เราประสบความสำเร็จในการทำงานจริงๆ ก็คือ ผลงานของเรา ทัศนคติของเรา และ ภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรของเรา ทำตัวเองให้เป็นที่เข้าใจในแง่บวกเสมอสำหรับ สิ่งดังกล่าว ให้ทุกคนคิดถึงคุณ ให้เขาระลึกได้ว่า เป็นคนขยัน นิสัยดี และ เป็นมิตรง่าย อารมณ์ดี แค่นี้เองครับ หลักการขอขึ้นเงินเดือน ลองนำไปปรับใช้ดูนะครับ โชคดีทุกท่านครับ Copyright 2016: บทความ ข้อความ ข้อมูล รวมความถึง เนื้อหารายละเอียด ถือเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ MissConsult.com การเก็บข้อมูล อาจทำได้โดยวัตถุประสงค์ส่วนบุคคล โดยไม่เกี่ยวข้องกับทางการค้า สื่อ หรือ ตีพิมพ์ซ้ำ คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด เพื่อประโยชน์ในเชิงธุรกิจ การ ทำซ้ำ เผยแพร่ ตีพิมพ์ หรือ จำหน่าย โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัท บริษัทจะดำเนินการ ตามกฎหมาย กับผู้ละเมิดสิทธิดังกล่าวโดยทันที


142 views
bottom of page